No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum | อีกหนึ่งไอเทมเด็ด ช่วยเผยผิวกระจ่างใส ด้วยวิตามินซีเซรั่มเข้มข้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์!!
Room : Review
wanvismo | ผิวผสม | 30-34 Yrs | 9 รีวิว 30/11/2020 17:52     



แบรนด์ No.7 เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เราต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว และต้องยอมรับว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานัมเบอร์เซเว่น ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้เราประทับอยู่เสมอ จนมาถึงอีกหนึ่งไอเทมเด็ดอย่าง No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum ที่ทางแบรนด์ใส่วิตามินซีเข้มข้นมาถึง 15 เปอร์เซ็นต์ นับว่าเป็นความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูงพอสมควรเลยทีเดียว แต่จะเด็ดดวงขนาดไหนเอาเป็นว่าไปชมกันเลยฮะ...


No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum (25ml./790.-)



ทาง No.7 เคลมว่าเซรั่มขวดนี้อัดแน่นไปด้วย Vtiamin C สูงถึง 15% ซึ่งนอกจากจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้ผิวโกลว์ เปล่งประกายตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ แถมยังช่วยปรับโทนสีของผิวที่ไม่สม่ำเสมอ พร้อมเผยความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ


Texture / Scent / Packaging

  • Texture : เนื้อสัมผัสของเซรั่มขวดนี้ถึงแม้จะดูมีความเหลวใส แต่เมื่อได้ลองสัมผัสกลับพบว่าค่อนข้างเข้มข้น และมอบความชุ่มชื้นได้ค่อนข้างดีทีเดียว
  • Scent : กลิ่นหอมอ่อนๆ โทน Citrus ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังดื่มน้ำส้มอยู่ยังไงอย่างนั้นเลยหละ แน่นอนว่าเซรั่มขวดนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม ดังนั้นหากเพื่อนๆ มีผิวที่ค่อนข้าง Sensitive และแพ้น้ำหอม เราแนะนำให้ลองเทสต์อาการแพ้ก่อนนะขอรับ

  • Packaging : บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบขวดแก้วสีชา ถือว่าผ่านในแง่ของการเก็บรักษาความเสถียรของวิตามินได้ดี และมาพร้อมกับหัวดรอปเปอร์ที่ดูน่าใช้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้แบบ Airless Pump เพื่อความสะอาดในการใช้ที่มากกว่าฮะ

Key Ingredients

มาเริ่มกับที่พระเอกของเซรั่มขวดนี้อย่าง 3-O-Ethyl Ascorbic Acid ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่มีฤทธิ์เหมือน L-Ascorbic Acid แต่มีความเสถียรสูง สามารถทนอุณหภูมิสูงได้ดี จากการทดลองพบว่า 3-O-ethyl ascorbic acid มีฤทธิ์ให้ผิวกระจ่างใส ด้วยกระบวนการลด Tyrosinase ซึ่งส่งผลให้ลดการเกิดเม็ดสี Melanin นอกจากนี้ ยังสามารถลดเม็ดสีเมลานิน ที่เกิดขึ้นแล้วได้ด้วย  ส่งผลให้เหมาะสำหรับการใช้ในสูตรลด aging spot ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าใส่มาถึง 15% ก็นับว่าเข้มข้นมากและคาดหวังผลได้ดีมากทีเดียวแหละครับ


ถัดมาเป็นสารที่คุ้นเคยกันดีอย่าง Sodium Hyaluronate ที่ช่วยดึงความชุ่มชื้นจากภายนอกเข้าสู่ผิว โอบอุ้มความชุ่มชื้นไว้ในผิว ให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น โดยเฉพาะผิวที่แห้งกร้าน-ขาดความชุ่มชื้นนี่คือ Your Best Friend เลยแหละฮะ


ปิดท้ายด้วย Allantonin ซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากต้น Comfrey มีคุณสมบัติในการลดการระคายเคือง ต่อต้านการแพ้ต่างๆของผิว (soothing and anti-irritating) และเสริมสร้างการสร้างเนื้อเยื่อ (granulation tissue) ที่สมบูรณ์ขึ้นมาใหม่ อ่อนโยน ปลอดภัยจนสามารถใช้ได้แม้ในผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กทารก


Let's Try...

จากที่เราได้ลองใช้ No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum ครั้งแรก ค่อนข้างชอบเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น แต่กลับซึมเข้าสู่ผิวอยางรวดเร็ว และที่สำคัญหลังเซทตัวแล้วไม่รู้สึกถึงความเหนอะหนะบนผิว แต่กลับมีความชุ่มชื้นบนผิวที่ดีขึ้นดังภาพด้านล่าง...


และเราได้ลองใช้ต่อเนื่อง โดยเราจะหยิบมาใช้เฉพาะช่วงกลางคืน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใน Routine มีความเข้ากันได้ดีกับ Vitamin C ฟอร์มนี้มากกว่า Ascorbic Acid(ที่เราใช้ในช่วงเช้า) โดยเราจะใช้วิธีการหยดเซรั่มลงบนฝ่ามือ 1 หลอดดรอปเปอร์ จากนั้นวอร์มผลิตภัณฑ์บนฝ่ามือเล็กน้อย แล้วใช้วิธีการประคบเบาๆ ทั่วใบหน้า ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าผิวได้ดี ในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่รบกวนกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เราใช้ร่วมกันครับ


Conclusion

หากพิจารณาจากส่วนผสมเราต้องบอกว่า No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum เป็นเซรั่มวิตามินซี อีกแบรนด์ที่ทำออกมาได้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยความที่ทางแบรนด์ใส่อนุพันธ์วิตามินซีอย่าง 3-O-Ethyl Ascorbic Acid มาถึง 15% ซึ่งนับว่าเป็นความเข้มข้นที่คาดหวังผลในเรื่องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้ดี เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง(1-3 เดือนขึ้นไปร่วมกับการทาครีมกันแดด)


และถึงแม้จะมีส่วนผสมของน้ำหอมเป็นองค์ประกอบแต่ทาง No7 ก็เพิ่มส่วนผสมที่ช่วยลดการระคายเคืองอย่าง Allantonin เข้ามาในสูตร และจากที่เราลองใช้มาประมาณเกือบๆ 2 สัปดาห์ก็ยังไม่พบอาการแพ้ระคายเคืองแต่อย่างใดฮะ


แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ Based-on สภาพผิว ไลฟ์สไตล์ การดูแลตัวเอง และผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนสำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะอุดตันไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขน และลำคอก่อใช้ลงบนใบหน้านะขอรับ




Comment (0)
Post Comment



- view all -

THE HIGHLIGHTER

- view all -