แบบไหนถึงเรียกว่า ‘กลากเกลื้อนที่หลัง’ อาการนี้อันตรายไหม ?
Room : Others
Monica.Lee | ผิวธรรมดา | 30-34 Yrs | 0 รีวิว 14/02/2025 15:42     

กลากเกลื้อนที่หลังเป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย อาการนี้มักทำให้เกิดความรำคาญและความไม่สบายตัว แต่ในบางกรณีอาจกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้มากกว่าที่คิด วันนี้เราจะพามาทำความเข้าใจว่าอาการนี้คืออะไร มีลักษณะอย่างไร และอันตรายหรือไม่




กลากเกลื้อนที่หลังคืออะไร ?

กลากเกลื้อนเป็นชื่อเรียกรวมของ โรคผิวหนังจากเชื้อรา (Fungal Infections of the Skin) ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่ กลาก (Tinea corporis) และ เกลื้อน (Tinea versicolor หรือ Pityriasis versicolor) โดยทั้งสองโรคนี้สามารถเกิดขึ้นบริเวณแผ่นหลังได้ และมักถูกเรียกรวมกันว่า "กลากเกลื้อนที่หลัง" แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองโรคมีสาเหตุและลักษณะแตกต่างกัน


1. กลากที่หลัง (Tinea corporis)

กลากเกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes เช่น Trichophyton หรือ Microsporum ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ สัตว์เลี้ยง สิ่งของที่ปนเปื้อน หรือแม้แต่พื้นดินที่มีเชื้อรา


ลักษณะอาการของกลากที่หลัง

    • - มีผื่นวงกลมหรือวงรีที่มีขอบแดงชัดเจน

    • - ตรงกลางของผื่นอาจดูเรียบหรือเป็นสะเก็ดแห้ง

    • - อาจมีอาการคันมาก โดยเฉพาะเมื่อเหงื่อออก

    • - ในบางกรณี ผื่นอาจขยายวงกว้างขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา


2. เกลื้อนที่หลัง (Tinea versicolor หรือ Pityriasis versicolor)

เกลื้อนเกิดจากเชื้อรากลุ่ม Malassezia ซึ่งเป็นเชื้อราที่พบได้ตามปกติบนผิวหนังของมนุษย์ แต่จะเจริญเติบโตมากผิดปกติเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น อากาศร้อน เหงื่อออกมาก หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ


ลักษณะอาการของเกลื้อนที่หลัง

  • - มีผื่นแบนราบเป็นวง ขอบเขตไม่ชัดเจน

  • - สีของผื่นอาจเป็นสีขาว ชมพู น้ำตาล หรือดำ ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละบุคคล

  • - ผิวหนังบริเวณที่เป็นอาจแห้งและลอกเป็นขุยเล็กน้อย

  • - โดยทั่วไปไม่ค่อยมีอาการคัน แต่บางครั้งอาจคันเล็กน้อย


กลากเกลื้อนที่หลังอันตรายหรือไม่ ?

โดยทั่วไป กลากเกลื้อนที่หลังไม่ใช่โรคอันตราย แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้


ความเสี่ยงของการปล่อยให้กลากเกลื้อนลุกลาม

  1. การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน – หากมีการเกาแรง ๆ จนเกิดแผล เชื้อแบคทีเรียอาจเข้าสู่ผิวหนังและทำให้เกิดการติดเชื้อ เช่น เซลลูไลติส (Cellulitis) ซึ่งเป็นการอักเสบของผิวหนังที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง

  2. การแพร่กระจายของเชื้อรา – กลากอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย เช่น แขน ขา หรือหนังศีรษะได้

  3. ผิวหนังเปลี่ยนสีถาวร – โดยเฉพาะในกรณีของเกลื้อน แม้จะรักษาหายแล้ว แต่อาจมีรอยด่างสีขาวหรือน้ำตาลคงอยู่เป็นเวลาหลายเดือน


แนวทางการรักษาและป้องกัน


  • - ใช้ยาต้านเชื้อราแบบทา เช่น Clotrimazole, Ketoconazole, Terbinafine สำหรับกลากและเกลื้อน

  • - หากอาการกลากเกลื้อนที่หลังรุนแรง แพทย์อาจสั่งยาต้านเชื้อราแบบรับประทาน เช่น Fluconazole, Itraconazole, Terbinafine

  • - รักษาความสะอาดของร่างกาย หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น


การป้องกัน

  • - อาบน้ำและเช็ดตัวให้แห้งหลังจากเหงื่อออก

  •  - หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้ารัดแน่นและอับชื้นเป็นเวลานาน

  • - ไม่ใช้ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์ออกกำลังกายร่วมกับผู้อื่น

  • - หมั่นซักเสื้อผ้าและเครื่องนอนให้สะอาด


กลากเกลื้อนที่หลังเป็นโรคผิวหนังจากเชื้อราที่พบได้บ่อย แบ่งเป็น กลาก ซึ่งมีผื่นขอบแดงชัดเจน และ เกลื้อน ซึ่งเป็นผื่นสีขาวหรือสีน้ำตาลจาง ๆ แม้อาการจะไม่อันตรายร้ายแรง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือรอยด่างบนผิวหนังที่คงอยู่เป็นเวลานานได้


หากพบว่ามีผื่นลักษณะคล้ายกลากหรือเกลื้อนที่หลัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว





Comment (0)
Post Comment



- view all -

THE HIGHLIGHTER

- view all -