การตัดสินใจทำโปรแกรมดึงหน้าเพื่อคืนความดูอ่อนเยาว์และกระชับผิวเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการทำโปรแกรมดึงหน้า จะเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับหลายคน แต่ก็มีผลข้างเคียงบางประการที่ผู้สนใจควรทราบและทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา เพื่อเตรียมตัวและรับมือได้อย่างเหมาะสม บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการโปรแกรมดึงหน้า โดยไม่มีการกล่าวอ้างเกินจริง เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และครบถ้วน
1. อาการบวมและรอยช้ำ (Swelling and Bruising)
อาการบวมและรอยช้ำเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและเป็นปกติหลังการโปรแกรมดึงหน้า โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด การบวมจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้าและลำคอ ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบสนองของร่างกายต่อการบาดเจ็บจากการผ่าตัด รวมถึงการสะสมของของเหลวใต้ผิวหนัง รอยช้ำอาจมีสีม่วง เขียว หรือเหลือง ซึ่งเป็นผลมาจากการแตกของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 2-4 สัปดาห์ การประคบเย็นในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรกหลังการทำโปรแกรมดึงหน้า และการนอนศีรษะสูงจะช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำได้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในช่วงแรก เพื่อป้องกันอาการบวมและช้ำที่มากขึ้น การทำความเข้าใจว่าอาการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นตัวจะช่วยให้ผู้ที่เข้ารับการโปรแกรมดึงหน้าไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป
2. อาการชา (Numbness)
อาการชาบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม หู และคอ เป็นอีกหนึ่งผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังการทำโปรแกรมดึงหน้า เกิดจากการที่เส้นประสาทเล็กๆ ที่รับความรู้สึกถูกกระทบกระเทือนในระหว่างการผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากในการทำศัลยกรรม ดึงหน้า อาการชานี้อาจคงอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และในบางรายอาจคงอยู่ถาวรได้ แม้ว่าอาการชาส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเส้นประสาทฟื้นตัว แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ที่กำลังพิจารณาการโปรแกรมดึงหน้า ควรทราบและทำความเข้าใจถึงความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงนี้ การฟื้นตัวของเส้นประสาทอาจใช้เวลานานและต้องอาศัยความอดทน
3. อาการปวดและไม่สบายตัว (Pain and Discomfort)
หลังการโปรแกรมดึงหน้า ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดและไม่สบายตัวบริเวณที่ทำการผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถจัดการได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งจ่าย อาการปวดมักจะรุนแรงที่สุดในช่วง 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด และจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป การประคบเย็นและการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการใช้ยาและการดูแลตนเอง เพื่อให้การฟื้นตัวหลังการโปรแกรมดึงหน้า เป็นไปอย่างราบรื่นและลดอาการไม่สบายตัวให้ได้มากที่สุด
4. แผลเป็น (Scarring)
การโปรแกรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดที่ต้องมีแผล และแน่นอนว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ แผลเป็นจากการโปรแกรมดึงหน้า มักจะถูกซ่อนไว้ในบริเวณที่มองเห็นได้ยาก เช่น บริเวณแนวผม ด้านหน้าและด้านหลังใบหู หรือใต้คาง ในช่วงแรกแผลเป็นอาจมีสีแดงและนูนเล็กน้อย แต่จะค่อยๆ จางลงและเรียบขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนถึงหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น แผลเป็นที่เกิดจากการโปรแกรมดึงหน้า ส่วนใหญ่จะจางลงจนกลืนไปกับผิวหนังและมองเห็นได้ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในบางรายที่มีแนวโน้มที่จะเกิดแผลเป็นคีลอยด์ (keloid scars) หรือแผลเป็นนูน (hypertrophic scars) อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมเพื่อลดเลือนแผลเป็น แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผลเป็นหลังการโปรแกรมดึงหน้า เพื่อให้แผลเป็นจางลงได้มากที่สุด
5. การเปลี่ยนแปลงของเส้นผม (Hairline Changes)
ในการโปรแกรมดึงหน้า โดยเฉพาะในเทคนิคที่ใช้การกรีดบริเวณแนวผม อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวผมได้ เช่น แนวผมอาจดูสูงขึ้นเล็กน้อย หรืออาจมีการบางลงของเส้นผมบริเวณใกล้เคียงกับรอยกรีด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการชั่วคราวและเส้นผมจะงอกกลับมาใหม่ในภายหลัง ในบางกรณีที่รุนแรง อาจเกิดการสูญเสียเส้นผมถาวรบริเวณรอยกรีด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อยมาก การเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการโปรแกรมดึงหน้า จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงนี้ได้
6. การติดเชื้อ (Infection)
แม้จะเป็นเรื่องที่พบได้น้อย แต่การติดเชื้อเป็นผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นหลังการโปรแกรมดึงหน้า อาการของการติดเชื้อ ได้แก่ บวมแดง ปวดร้อน มีหนอง หรือมีไข้ หากเกิดการติดเชื้อ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หรือในบางกรณีอาจต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อระบายหนอง การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลแผลผ่าตัดอย่างเคร่งครัด การรักษาความสะอาดของบริเวณผ่าตัด และการรับประทานยาปฏิชีชีวนะตามที่แพทย์สั่งอย่างครบถ้วน จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหลังการโปรแกรมดึงหน้าได้เป็นอย่างดี
7. เลือดคั่ง (Hematoma)
เลือดคั่งคือการสะสมของเลือดใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังการโปรแกรมดึงหน้าโดยเฉพาะในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก อาการคือจะมีก้อนนูนแข็ง สีคล้ำ และอาจมีอาการปวดร่วมด้วย เลือดคั่งขนาดเล็กอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาและจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายเอง แต่ถ้าเลือดคั่งมีขนาดใหญ่หรือทำให้เกิดความเจ็บปวดมาก อาจจำเป็นต้องได้รับการระบายออกโดยแพทย์ การใส่ผ้ารัดหน้าหลังการโปรแกรมดึงหน้าจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเลือดคั่งได้
8. ความไม่สมมาตรของใบหน้า (Facial Asymmetry)
แม้ว่าศัลยแพทย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผลลัพธ์ของการโปรแกรมดึงหน้ามีความสมมาตรมากที่สุด แต่ในบางกรณีอาจเกิดความไม่สมมาตรของใบหน้าขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น การบวมที่ไม่เท่ากันในช่วงแรก การตอบสนองต่อการผ่าตัดของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน หรือในบางกรณีอาจเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคในการผ่าตัด ความไม่สมมาตรที่เกิดขึ้นอาจเล็กน้อยจนสังเกตเห็นได้ยาก หรือในบางรายอาจมีความชัดเจนจนต้องได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม การปรึกษาและเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการโปรแกรมดึงหน้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงนี้
9. การบาดเจ็บของเส้นประสาทใบหน้า (Facial Nerve Injury)
นี่คือผลข้างเคียงที่รุนแรงและพบได้น้อยมากหลังการโปรแกรมดึงหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตได้ อาการที่พบได้แก่ ปากเบี้ยว ยิ้มไม่สมมาตร หรือหลับตาไม่สนิท การบาดเจ็บของเส้นประสาทใบหน้าอาจเกิดจากการบาดเจ็บโดยตรงระหว่างการผ่าตัด หรือจากการบวมและเลือดคั่งที่กดทับเส้นประสาท ในกรณีส่วนใหญ่ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเองเมื่อเส้นประสาทฟื้นตัว ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือน แต่ในบางรายอาจมีการบาดเจ็บถาวร การเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเข้าใจในกายวิภาคของใบหน้าอย่างลึกซึ้งและมีประสบการณ์สูงในการโปรแกรมดึงหน้าจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
10. ผิวหนังไม่เรียบ หรือรอยบุ๋ม (Skin Irregularities or Dimpling)
ในบางกรณีหลังการโปรแกรมดึงหน้า ผิวหนังอาจดูไม่เรียบ มีรอยบุ๋ม หรือมีลักษณะเหมือนคลื่น ซึ่งอาจเกิดจากการยึดเกาะของผิวหนังกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่ไม่สม่ำเสมอ หรือเกิดจากการเย็บที่ตึงเกินไปในบางจุด ผลข้างเคียงนี้มักจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อผิวหนังปรับตัวและเข้าที่ แต่ในบางรายอาจต้องได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม เช่น การนวด หรือการฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น ผู้ที่เข้ารับการโปรแกรมดึงหน้า ควรทราบว่าผลลัพธ์ที่สมบูรณ์อาจต้องใช้เวลาและอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยเกิดขึ้นได้
11. ภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ (Anesthesia Complications)
การโปรแกรมดึงหน้า ส่วนใหญ่จะทำภายใต้การดมยาสลบ ซึ่งมีความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดมยาสลบ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บคอ ปวดศีรษะ หรือในกรณีที่รุนแรงมาก อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อระบบทางเดินหายใจหรือระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้ถือว่าต่ำมากเมื่ออยู่ในความดูแลของวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีการประเมินสุขภาพของผู้ป่วยอย่างละเอียดก่อนการโปรแกรมดึงหน้า
12. ความผิดหวังในผลลัพธ์ (Dissatisfaction with Results)
แม้ว่าผลลัพธ์ของการโปรแกรมดึงหน้า จะเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่ผู้ป่วยอาจรู้สึกผิดหวังในผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ชัดเจนพอ หรือผลลัพธ์ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ การสื่อสารกับศัลยแพทย์อย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนถึงความคาดหวังก่อนการโปรแกรมดึงหน้า รวมถึงการทำความเข้าใจถึงข้อจำกัดของการผ่าตัด จะช่วยลดความเสี่ยงของความผิดหวังหลังการรักษาได้ สิ่งสำคัญคือการมีมุมมองที่สมจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่สามารถทำได้จากการโปรแกรมดึงหน้า
สรุปผลข้างเคียงที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงหน้า
การโปรแกรมดึงหน้า เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่สามารถช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้นได้ แต่เช่นเดียวกับการผ่าตัดทุกชนิด ย่อมมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ การทำความเข้าใจผลข้างเคียงต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นอย่างละเอียด จะช่วยให้ผู้ที่สนใจการโปรแกรมดึงหน้า สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม การปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วน การแจ้งประวัติสุขภาพและยาที่ใช้อย่างครบถ้วน รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดทั้งก่อนและหลังการโปรแกรมดึงหน้าเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุดจากการโปรแกรมดึงหน้า
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.apexmedicalcenter.co.th/face-lift/
ขอขอบคุณข้อมูล : https://www.apexmedicalcenter.co.th/Tweet |