
ดึงหน้าคืออะไร ช่วยให้หน้าเด็กขึ้นได้จริงไหม?
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวหน้าของเรามักไม่เต่งตึงเหมือนเดิม ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยเริ่มปรากฏให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นบริเวณแก้มที่ตก ร่องแก้มที่ลึก หรือผิวใต้คางที่ไม่กระชับเหมือนช่วงวัยรุ่น หลายคนจึงเริ่มมองหาวิธีที่จะช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์ขึ้น และหนึ่งในวิธีที่เห็นผลชัดที่สุดก็คือ การดึงหน้า หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Facelift ซึ่งเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมายาวนาน
ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่า การดึงหน้า คืออะไร ช่วยให้หน้าเด็กขึ้นจริงไหม ขั้นตอนเป็นอย่างไร เจ็บหรือไม่ และใครเหมาะกับการทำดึงหน้า เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเข้าใจมากขึ้นก่อนเข้ารับการทำจริง
ดึงหน้าคืออะไร
การดึงหน้า (Facelift) คือการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อยกกระชับผิวและกล้ามเนื้อบนใบหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยจากอายุ แรงโน้มถ่วง หรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การโดนแดดบ่อย การสูบบุหรี่ หรือการนอนน้อย
ขั้นตอนของการดึงหน้าคือ แพทย์จะเปิดแผลเล็กบริเวณขมับ หน้าใบหู หรือหลังใบหู เพื่อซ่อนรอยแผลไว้ในแนวเส้นผม จากนั้นจะทำการยกและจัดเรียง “ชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว” (SMAS Layer) ให้กลับมาตึงกระชับ ก่อนจะดึงผิวหนังส่วนเกินออกและเย็บปิดแผลอย่างประณีต
ผลลัพธ์คือใบหน้าจะดูอ่อนวัยขึ้น ร่องแก้มและแนวกรามชัดขึ้น ผิวบริเวณแก้มและลำคอจะเรียบตึงขึ้นโดยไม่ดูแข็งหรือไม่เป็นธรรมชาติ
ดึงหน้ามีกี่แบบ
ปัจจุบันเทคนิคการดึงหน้ามีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับปัญหาและระดับความหย่อนคล้อยของแต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าแบบไหนเหมาะสมที่สุด
1. Mini Facelift
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนเล็กน้อย เช่น แก้มตกเล็กน้อย หรือแนวกรามเริ่มไม่ชัด การผ่าตัดจะมีแผลขนาดเล็ก ฟื้นตัวไว เหมาะกับอายุ 35–45 ปี
2. Full Facelift
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก แก้มตก ร่องแก้มลึก และผิวลำคอไม่กระชับ เป็นการดึงทั่วใบหน้าและคอ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 7–10 ปี
3. Endoscopic Facelift
ใช้กล้องขนาดเล็กช่วยผ่าตัด เห็นภาพภายในชัดเจน แผลเล็กมาก เหมาะกับคนที่ต้องการลดระยะพักฟื้น
4. SMAS Facelift
เทคนิคยอดนิยมในปัจจุบัน เน้นยกกระชับถึงชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้ผลลัพธ์คงทนและดูเป็นธรรมชาติ
ดึงหน้าเจ็บไหม
หลายคนกลัวว่าการดึงหน้าจะเจ็บมาก แต่ความจริงแล้วในระหว่างผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่ จึงไม่รู้สึกเจ็บเลย ระหว่างพักฟื้นอาจมีความรู้สึกตึงหรือบวมเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัด สามารถใช้ยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่งได้ อาการบวมช้ำมักจะค่อย ๆ หายไปภายใน 1–2 สัปดาห์ และใบหน้าจะเริ่มเข้ารูปในช่วงเดือนที่สอง
หลังดึงหน้าใช้เวลาพักฟื้นนานไหม
โดยทั่วไปผู้ที่ดึงหน้าควรเผื่อเวลาพักฟื้นประมาณ 1–2 สัปดาห์ ในช่วงแรกอาจต้องพันผ้ายืดพิเศษรัดหน้าเพื่อลดบวมและพยุงผิวให้เข้ารูป การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดมีความสำคัญมาก เช่น
- นอนศีรษะสูง หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง
- ห้ามเกาแผลหรือแกะสะเก็ด
- งดแต่งหน้าในช่วงแรก
- ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยลดบวม
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักและโดนแดดจัด
หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง อาการบวมจะลดลงอย่างรวดเร็วและแผลจะหายเรียบจนแทบมองไม่เห็น
ดึงหน้าช่วยอะไรได้บ้าง
การดึงหน้าสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหลัก ๆ ที่มักเกิดจากอายุหรือการเสื่อมของคอลลาเจนใต้ผิว เช่น
- ผิวหย่อนคล้อย บริเวณแก้ม คาง และลำคอ
- ร่องแก้มลึก ใบหน้าดูเหนื่อยล้า
- ผิวหนังส่วนเกินสะสมรอบกราม
- เส้นกรอบหน้าไม่ชัดเหมือนเดิม
- ริ้วรอยลึกและร่องน้ำหมาก
หลังทำดึงหน้า ใบหน้าจะดูเรียวขึ้น ผิวตึงขึ้น ร่องลึกจางลง และดูอ่อนวัยลงหลายปี ซึ่งผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานเฉลี่ย 7–10 ปี หากดูแลผิวให้ดีอย่างต่อเนื่อง
ดึงหน้าเหมาะกับใคร
แม้การดึงหน้าจะให้ผลลัพธ์ดี แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แพทย์จะประเมินจากสภาพผิว อายุ และสุขภาพโดยรวม โดยทั่วไปคนที่เหมาะกับการดึงหน้ามักมีคุณสมบัติดังนี้
- อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ผิวเริ่มหย่อนคล้อยชัดเจน
- เคยทำหัตถการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดแล้วแต่ผลอยู่ไม่นาน
- ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง เช่น ความดันสูง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
- มีความคาดหวังผลลัพธ์ที่เป็นจริง
หากอายุน้อยกว่านี้และผิวยังหย่อนไม่มาก แพทย์อาจแนะนำให้ทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด เช่น Ulthera, Thermage หรือ Oligio ก่อน เพื่อเลื่อนช่วงเวลาที่ต้องผ่าตัดจริงออกไป
ดึงหน้าช่วยให้หน้าเด็กลงจริงไหม
คำตอบคือ “จริง” การดึงหน้าช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนวัยลงได้หลายปี เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง คือการยกชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวให้กลับมาตึง ไม่ใช่แค่การดึงผิวชั้นบนให้แน่น จึงได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่า
อย่างไรก็ตาม ความเด็กลงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับปัญหาและเทคนิคที่ใช้ เช่น ผู้ที่มีผิวหย่อนมากอาจเห็นความแตกต่างชัดเจนกว่า ส่วนคนที่ผิวหย่อนเล็กน้อยจะดูสดใสขึ้นแต่ไม่เปลี่ยนโครงหน้ามากนัก
สิ่งสำคัญคือการดูแลต่อเนื่องหลังทำ เช่น
- หมั่นทาครีมกันแดด
- รับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนและวิตามินซี
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
- ทำเลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจนเพิ่มเติมปีละ 1–2 ครั้ง
เพราะถึงแม้ดึงหน้าจะช่วยให้หน้าเด็กลงได้จริง แต่ผิวก็ยังคงเสื่อมตามวัย หากดูแลต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะยิ่งยาวนานและดูดีขึ้นเรื่อย ๆ
สรุป
การดึงหน้าเป็นทางเลือกที่เห็นผลชัดและอยู่ได้นานสำหรับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก ร่องลึกชัด หรือเคยทำหัตถการอื่น ๆ แล้วไม่เห็นผล การดึงหน้าช่วยยกกระชับทั้งผิวและชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูเรียวและสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจทำ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด เพราะใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเลือกวิธีที่ถูกต้องและปลอดภัยคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้การดึงหน้า ช่วยให้คุณหน้าเด็กลงได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุดจริง ๆ
อ่านบทความเพิ่มเติม
https://www.apexmedicalcenter.co.th/face-lift
https://www.apexmedicalcenter.co.th/