ฉีดฟิลเลอร์ปาก ตัวช่วยเนรมิตทรงปากสวยสมใจ เหมาะกับใครบ้าง และข้อควรรู้ก่อนฉีด
Room : How To
admin_vsq | ผิวผสม | 25-29 Yrs | 0 รีวิว 09/05/2024 15:29     

 

การ “ฉีดฟิลเลอร์ปาก” กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์เสริมความงามยอดนิยมในปัจจุบัน เพราะด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก เพิ่มความอวบอิ่ม และปรับรูปทรงริมฝีปากให้ได้ดังใจ ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับการปรับทรงปากด้วยฟิลเลอร์ พร้อมข้อดี-ข้อเสีย ที่ควรรู้ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปากกัน


ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?

ฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “HA” ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ฉีดเข้าไปที่บริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มเนื้อและปรับขนาดโครงสร้างของปากให้มีความอวบอิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาปากบาง ปากแห้งลอก ปากไม่เท่ากัน ทำให้ริมฝีปากดูมีรูปทรงสวยงาม เป็นธรรมชาติ


ข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก


ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก

- ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก 

- ช่วยปรับรูปทรงปากได้หลายทรงตามความต้องการ 

- ช่วยแก้ไขปัญหาปากแห้ง ลอก ให้กลับชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี

- เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และเห็นผลชัดเจนเต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์

- อยู่ได้นาน 6-18 เดือน 

- มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับจากอย. เป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง 

- ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที 

- เพิ่มความมั่นใจในการแสดงออกทางสีหน้าและรอยยิ้ม

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ปาก

- อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น อาการบวมบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายเป็นปกติ- ภายใน 2-3 วัน

- อยู่ได้ไม่ถาวร 6-18 เดือน

- อาจสลายเร็วกว่าการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่น ๆ


9 ทรงปาก ที่การฉีดฟิลเลอร์ปาก ทำให้ได้

การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถปรับแต่งทรงปากได้หลากหลายแบบ เพื่อให้เข้ากับความต้องการ และลักษณะของใบหน้าแต่ละคน โดย 9 ทรงปากที่นิยมทำ มีดังนี้ 

  1. ทรงปากธรรมชาติ (Classy Kysse) ทรงปากนี้มีลักษณะปากบนบางกว่าปากล่าง อยู่ในสัดส่วนที่พอดี โดยเหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบางและต้องการเพิ่มเนื้อปากให้หนาขึ้นแต่ไม่อวบอิ่มมาก ฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกลบร่องบนริมฝีปาก ทำให้ลิปสติกทาง่ายไม่ตกร่อง

  2. ทรงปากกระจับ (Cherry Kysse) ทรงปากนี้ได้รับความนิยมในสไตล์เกาหลี โดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้ริมฝีปากล่างอวบอิ่มคล้ายผลเชอร์รี่ และเติมเนื้อติ่งตรงกลางปากบน ให้รูปปากกระจับที่สวยงาม

  3. ทรงปากอวบอิ่ม (Sexy Kysse) ทรงปากนี้เพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากทั้งบนและล่าง โดยมีสัดส่วนที่เท่ากัน 1:1 ทำให้ริมฝีปากชัดเจน มีเสน่ห์แบบสายฝอ

  4. ทรงปาก Heavy Upper Lips ทรงนี้มีลักษณะริมฝีปากบนหนากว่าริมฝีปากล่าง ฟิลเลอร์จะเพิ่มให้ริมฝีปากบนอวบอิ่ม ส่วนริมฝีปากล่างฉีดให้พอดีไม่ให้ใหญ่มาก ช่วยเพิ่มเสน่ห์เมื่อพูดหรือยิ้ม

  5. ทรงปาก Heavy Lower Lips ลักษณะนี้ริมฝีปากล่างจะหนากว่าริมฝีปากบน โดยฟิลเลอร์จะช่วยให้ริมฝีปากล่างหนาและอวบอิ่มขึ้น ริมฝีปากบนมีขอบชัด อาจรวมถึงการยกมุมปากให้ดูเซ็กซี่ ดูสวย

  6. ทรงปาก Full Lips เป็นทรงปากที่ทำให้ริมฝีปากทั้งบนและล่างมีความหนาเท่ากันในสัดส่วน 1:1 ทำให้ปากดูโดดเด่นชัดเจน สำหรับคนที่มีโครงหน้าชัดเจน แข็งแรง เมื่อฉีดฟิลเลอร์ปากในทรงนี้ ปากจะดูเข้ากับโครงสร้างของจมูก คาง ดวงตาได้ดี แต่ทรงนี้อาจไม่เหมาะกับโครงหน้าแบบเอเชียที่มีลักษณะคิ้วไม่ชัดเจน ตาไม่ใหญ่ หรือจมูกไม่โด่ง ควรพิจารณาสัดส่วนของใบหน้าให้ดีก่อนการฉีด เพื่อไม่ให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ

  7. ทรงปาก Wide Lips เป็นทรงปากที่ช่วยขยายขนาดปากให้ดูกว้างขึ้น โดยริมฝีปากทั้งบนและล่างจะมีความอวบอิ่มที่สมดุลกัน ถ้าคุณรู้สึกว่าปากของตัวเองแคบหรือยิ้มแล้วไม่สวย การปรับทรงด้วยฟิลเลอร์ปากโดยใช้เทคนิคยกมุมปาก สร้างขอบปากให้ชัดเจน จะทำให้ปากดูยาว ดูเต็มขึ้น

  8. ทรงปากปีกนก เป็นทรงที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย มีลักษณะปากบนเรียวเล็ก มุมปากยกขึ้น ทำให้เวลายิ้มปากจะดูเหมือนปีกนกที่กางออก การฉีดฟิลเลอร์ในทรงนี้ต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องและควรมีประสบการณ์สูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูสวยงาม เป็นธรรมชาติ

  9. ทรงปาก Cupid’ Bow เป็นทรงปากที่มีลักษณะเหมือนรูปหัวใจหรือคันธนูของคิวปิด ริมฝีปากบนจะมีลักษณะเป็นกระจับและริมฝีปากล่างอวบอิ่ม ทำให้ใบหน้าดูน่ารัก มีเสน่ห์แบบผสมผสานระหว่างความเซ็กซี่กับความน่ารัก


ข้อแนะนำในการเลือกทรงปาก ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

การเลือกทรงปากก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงโครงสร้างใบหน้าและพันธุกรรมของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในคนเอเชียที่มักจะมีโครงหน้าที่ไม่คมชัดเหมือนชาวตะวันตก เช่น คิ้วที่ไม่คม จมูกที่ไม่โด่ง คางที่ไม่ยาว ดังนั้นการนำทรงปากจากฝั่งตะวันตกมาใช้อาจไม่เหมาะสมกับใบหน้าเดิมของคนไทย ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ 


“ ในการเลือกทรงปากที่เหมาะสม ควรพิจารณาถึงสัดส่วนของริมฝีปากทั้งบนและล่างให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมตามหลัก Golden Ratio ซึ่งมีค่าประมาณ 1:1.618 ส่วนขอบปากควรมีสัดส่วนเท่ากันทั้งสองข้าง มุมปากควรยกขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ทรงปากดูสดใส เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ควรมีร่องริมฝีปากบนเป็นตัว M ที่ชัดเจน มีมิติ ส่วนเนื้อริมฝีปากควรมีความอวบอิ่ม เรียบเนียน ”

 

สำหรับคนที่ต้องการลุคสายฝอ หากมีการปรับโครงหน้ามาแล้วหรือมีสไตล์การแต่งหน้าที่เข้ากับทรงปากสายฝอ ก็สามารถเลือกทรงปากแบบนั้นได้ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจ การปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้เลือกทรงปากได้อย่างเหมาะสม ทำให้ได้รูปปากที่สวยงามและกลมกลืนกับใบหน้ามากที่สุด


ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม ?

ขณะฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย เนื่องจากเนื้อบริเวณริมฝีปากค่อนข้างบางและอ่อนไหวต่อความรู้สึก อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดนั้นอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ ก่อนการฉีดแพทย์จะใช้ยาชาทาหรือยาชาแบบฉีดเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บ


หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องดูแลอย่างไร ?

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อปฏิบัติและคำแนะนำสำคัญที่ควรทำตามเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานและลดโอกาสของการเกิดผลข้างเคียง ดังนี้ 

ข้อปฏิบัติ ✅

- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี ทำให้ปากดูอิ่มฟูและช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น

- รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิปกติ เลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มร้อนๆ เพราะอาจทำให้ริมฝีปากบวม

- งดใช้หลอดดูดน้ำ และงดทาลิปสติกหรือสูบบุหรี่ ในช่วง 12 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด 


 ข้อควรระวัง ❌

- หลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปาก ไม่ควรจับ บีบ หรือนวดริมฝีปาก เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่จากตำแหน่งที่ฉีด

- ไม่ดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะทำให้ริมฝีปากเป็นแผลและสูญเสียความชุ่มชื้น

- งดรับประทานอาหารรสจัดหรือเผ็ด เพราะอาจทำให้ริมฝีปากเกิดอาการอักเสบ


สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและเป็นธรรมชาติ แบบเห็นผลเร็ว โดยมีทรงปากหลากหลายสไตล์ที่สามารถเลือกได้ตามความต้องการ แต่ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรก ควรรับการบริการจากแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง รู้เทคนิคการฉีด เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ




Comment (0)
Post Comment



- view all -

THE HIGHLIGHTER

- view all -