Workshops & Activities

[WE Fitness Society] 5 เทรนด์เคล็ดลับสวยใส ฟิตแอนด์เฟิร์ม ฉบับสาวออฟฟิศ

Update : 12/09/2014

          ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวออฟฟิศ วัน ๆ นั่งจ้องแต่คอมพิวเตอร์ ยิ่งโหมทำงานหนัก ๆ นั่งโต๊ะทำงานยาว ๆ หลังขดหลังแข็งไม่ลุกไปไหน ยิ่งเสี่ยงต่อโรคภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งออฟฟิศซินโดรมจะถามหาเอา จากการสำรวจพนักงานออฟฟิศในประเทศฝั่งยุโรป พบว่า เจ้าออฟฟิศซินโดรมนี้เป็นอาการที่พบได้บ่อยถึง 55% ของคนทำงานเลยทีเดียว ใครที่เริ่มมีอาการปวดเมื่อยหรือเคล็ด ชา ตามหลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ ให้รีบไปหาหมอทำกายภาพโดยด่วนเลย แต่ถ้าไม่อยากแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแล้วละก็ ออกกำลังกาย บริหารร่างกายง่าย ๆ อย่างน้อยวันละ 30 นาทีก็ช่วยให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยิ่งช่วงนี้มีเทรนด์สุขภาพใหม่ๆ มาแรง ลองเลือกทำดูสักอย่างสองอย่างยิ่งจะช่วยให้สุขภาพดีทั้งกายและใจเลยทีเดียว

 



WE Fitness Society



          บุรินทร์ จงเกษมสุข หรือ พี เทรนเนอร์หนุ่มประจำ วี ซิกเนเจอร์ ทองหล่อ เล่าว่า “พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ที่มาเทรนแรก ๆ จะมีปัญหาสุขภาพคล้าย ๆ กัน โดยเฉพาะเรื่องคอ บ่า ไหล่ และปัญหาเรื่องน้ำหนัก เนื่องจากไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้รับการบริหาร มีไขมันสะสม และระบบภูมิคุ้มกันก็จะแย่ลง จนทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย หลายคนที่รู้สึกไม่ไหวแล้วและต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจังก็จะมาเข้าฟิตเนส หาครูฝึกช่วยสอน รวมถึงช่วยกดดัน สิ่งสำคัญที่สุดในการออกกำลังกายคือ ใจ และวินัย ถ้าเราสามารถเอาชนะใจตัวเองและสลัดความขี้เกียจออกไปได้ มีความตั้งใจและมีระเบียบวินัยในตัวเองที่ดี การเข้าฟิตเนสหรือหาเทรนเนอร์ก็ไม่จำเป็นแล้ว เพราะเราสามารถออกกำลังกายที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แม้กระทั่งที่ทำงานหรือที่บ้านครับ”

สำหรับเทรนด์การดูแลสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ และเทรนเนอร์พี แนะนำสำหรับสาวออฟฟิศ ได้แก่

 



WE Fitness Society



1. อาหารคลีน

กระแสการกินอาหารคลีนตอนนี้มาแรงมากๆ หลายคนอาจสงสัยว่าอาหารคลีนนี้คืออะไร และสามารถหากินได้ที่ไหน ง่าย ๆ เลยก็คือ การรับประทานอาหารที่ปรุงแต่งน้อยที่สุด ปราศจากทั้งสารเคมีและการแปรรูป คงความเป็นธรรมชาติของอาหารให้มากที่สุดเพื่อรักษาคุณค่าทางสารอาหารนั่นเอง โดยพยายามให้มีครบทั้ง 5 หมู่ อาหารคลีนสามารถทำกินเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านจึงจะเรียกได้ว่าปลอดภัยที่สุด ถ้ามีเวลาว่างหน่อยก็อาจทำอาหารกล่องมากินที่ออฟฟิศ แต่สำหรับคนที่ไม่ทำอาหารก็สามารถเน้นการทานผัก ผลไม้ และน้ำเปล่าให้มากขึ้น และสั่งอาหารแบบไม่ใส่ผงชูรส เน้นเมนูผัก และไม่ปรุงรสจัดก็ได้จ้า

 



WE Fitness Society



2. วิ่งจ๊อกกิ้ง

ช่วงนี้อากาศไม่ร้อนจัดกำลังดี ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ เหมาะแก่การวิ่งสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนเป็นที่สุด ยิ่งถ้ามีพรรคพวกเพื่อนที่ทำงานชวนกันออกไปวิ่งด้วยกันเป็นกลุ่มแล้วละก็ จะช่วยให้การวิ่งสนุกมากขึ้นเป็นกอง ถ้าได้ออกไปวิ่งแล้วละก็อย่าลืมดาวโหลดแอปพลิเคชั่น ที่ช่วยบันทึกเวลา สถานที่ ของเราด้วยนะ นอกจากจะช่วยพัฒนาฝีเท้าของเราแล้ว ยังช่วยอัพเดตความเคลื่อนไหวของเพื่อน ๆ และยังสามารถแชร์ขึ้นเฟซบุ๊คได้ด้วย

 



WE Fitness Society



3. AntiGravity Yoga

โยคะต้านแรงโน้มถ่วง ที่มีเปลผ้าแฮมม็อคช่วยพยุงร่างกายของเราให้สามารถทำท่าโยคะต่าง ๆ และโบยบินได้อย่างอิสระ ช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะท่ากลับหัวที่ช่วยปรับสมดุลของระบบไหลเวียนเลือดและระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในร่างกาย เสริมสร้างบุคลิกภาพ คลายความตึงเครียด และทำให้หน้าอ่อนเยาว์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่โหมทำงานหนักๆ และคนที่เล่นกีฬาหนัก ๆ จะช่วยรีเซ็ทระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ให้ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เลยทีเดียว

 



WE Fitness Society



4. เข้าฟิตเนส

ยังคงเป็นกิจกรรมยอดฮิตของหนุ่มสาวออฟฟิศ เพราะเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมการออกกำลังกายต่าง ๆ มากมายและเทรนเนอร์ที่จะมาช่วยแนะนำการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี มีเครื่องเล่นต่าง ๆ มากมาย ทั้งลู่วิ่งเครื่องปั่นจักรยาน เครื่องเล่นเวท ยกน้ำหนัก รวมถึงคอร์สเต้นต่าง ๆ โยคะ พิลาทิส และบางแห่งก็มีคอร์สชกมวยและ AntiGravity yoga รวมถึงการออกกำลังกายแบบ functional exercise หรือการออกกำลังตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเช่น Synergy 360 อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีโปรโมชั่นแพ็คเกจสำหรับสมาชิกหลายรูปแบบ แถมยังเปิดเร็ว-ปิดดึก เป็นทางเลือกให้หนุ่มสาวออฟฟิศออกกำลังกายได้ทั้งก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน เรียกได้ว่าสะดวกสุด ๆ

 



WE Fitness Society



5.  T25

ส่วนใครที่ชอบอยู่บ้านก็มีทางเลือกในการออกกำลังกายสุดฮิตอย่าง T25 ที่เน้นการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงในเวลาเพียง 25 นาทีต่อวัน แถมยังมีครูฝึกพลังเยอะอย่างพี่ชอนมาช่วยจ้ำจี้จ้ำไชถึงบ้าน ทำทุกวันรับรองเฟิร์มชัวร์

เห็นไหมละ ว่ามีทางเลือกตั้งมากมายในการดูแลสุขภาพ แถมยังทำได้ไม่ยากด้วย ทีนี้ก็อยู่ที่ตัวเองแล้วแหละว่าจะจัดสรรเวลาได้ไหม ซึ่งถ้าจะให้ดีควรแบ่งเวลาในหนึ่งวันเป็น 8-8-8 คือ 8 ชั่วโมงทำงาน 8 ชั่วโมงพักผ่อนหรือนอนหลับ และอีก 8 ชั่วโมงสำหรับใช้ทำกิจกรรมส่วนตัว เท่านี้ก็มีเวลามากพอสำหรับให้ออกกำลังกายออย่างน้อยก็วันละ 1 ชั่วโมงแล้ว แถมยังได้สุขภาพดีร่างกายแข็งแรง โรคภัยไม่เบียดเบียนอีกด้วย

Comment (0)
Post Comment : แสดงความคิดเห็น

- view all -

THE HIGHLIGHTER

- view all -