Olay



สวัสดีจ้าสาว ๆ แอดมินตื่นเต้นมาก ๆ ที่ Vanilla ได้รับคำเชิญจาก Olay ให้ร่วม exclusive ทริป บินลัดฟ้าสู่ประเทศอเมริกา เพื่อเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่และห้องแล็ปของ P&G ที่เมือง Cincinnati รัฐ Ohio บ้านของ Olay เราใช้เวลาบินจากสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด 24 ชั่วโมง ถึงเมือง Cincinnati ในคืนวันที่ 9 มกราคม 2016 และเวลาเราต่างกันตั้ง 12 ขั่วโมงแน่ะ คือกลางคืนที่นี่เป็นกลางวันที่โน่นเลยทีเดียว



Olay



เช้าวันที่ 10 มกราคม เราเดินทางไปสำนักงาน P&G ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อเข้าชม P&G Heritage Center & Museum ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมประวัติของบริษัท P&G ตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้ง และยังรวบรวมเอาประวัติของผลิตภัณฑ์ Olay ตั้งแต่ขวดแรก แผ่นภาพโฆษณาและภาพยนตร์โฆษณาในอดีต ที่เก๋มีเวอร์ชั่นไทยด้วย ตามมาดูกันเลยจ้า

 

 


หลังจากนั้นช่วงบ่ายจะเป็นไฮไลท์ของวันนี้แล้ว นั่นก็คือ การเปิดตัว Olay Eye Collection ใหม่ พร้อมกันทั่วโลก โดยจะมีทั้งหมด 5 สูตร แต่บ้านเราจะนำเข้ามาเพียง 2 สูตรเท่านั้นเอง น่าเสียดายจริง ๆ



Olay





Olay



2 สูตรนั้น ได้แก่

 

- Olay Eyes Ultimate Eye Cream ขนาด 13 ml เนื้อครีมเป็นสีเนื้ออ่อน ๆ เหมาะสำหรับใช้กลางวัน ซึมเร็ว ไม่เป็นคราบ ทำให้แต่งหน้าได้โดยไม่มีปัญหา เป็นสูตรสำหรับปัญหาขอบตาคล้ำ ริ้วรอย และอาการบวมใต้ตา ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ ราคาขาย 999 บาท
- Olay Eyes Pro-Retinol Eye Treatment ขนาด 15ml เนื้อครีมสีขาว ซึมเร็วเช่นกัน มี Retinol ช่วยลดเลือนริ้วรอย และช่วยทำให้ผิวรอบดวงตากระจ่างใส ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ ราคาขาย 999 บาท


ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ 2017

 

ตัวที่น่าปลาบปลื้มเป็นพิเศษคือ Olay Eyes Ultimate Eye Cream เพราะถึงแม้เนื้อจะกึ่ง Matte แต่จากผลการทดลองกับผิวของคุณทราย Mhunoiii ปรากฎว่าเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ถึง 29 หน่วย ไม่เชื่อมาดูคลิปนี้กันเลย อเมซซิ่งกับผลลัพธ์มาก ๆ

 

 

 

11 มกราคม เราและสื่อจากประเทศต่าง ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ จีน ฮ่องกง ออกเดินทางด้วยรถบัสไปยัง P&G Mason Lab ซึ่งเป็นสถานที่ในการค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมใหม่ ๆ ของ Olay เราได้รับฟังบรรยายจากนักวิทยาศาสตร์ของ P&G จำนวนหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น Dr. Frauke Neuser, Mike Judd, Dr. Rosemarie Osborne, Jay Tiesman ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญและร่วมงานกับ P&G มาเป็นเวลานาน

 

   


 

Lab แรกที่เราได้ไปเยี่ยมชมคือ Genomics Lab ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับยีนส์ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ผู้บรรยายคือ Jay Tiesman โดยเขาจะศึกษาอายุของผิวจากกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นผู้หญิงจำนวนถึง 25,000 คน และมีความหลากหลายทางพันธุกรรม วิธีการศึกษาคือเราจะเก็บตัวอย่างผิวด้วยวิธี Skin Biopsy จากนั้นยีนส์ก็จะถูกแยกออกมา แล้วนำเข้าเครื่องที่มีกล้องไมโครสโคปเพื่อส่องดูรายละเอียด จากนั้นก็จะนำไปเทียบกับตัวอย่างของผู้หญิง 25,000 คนที่มีเพื่อหาอายุผิว และส่วนผสมที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ซึ่งกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ และโดยปกติ เราจะไม่สามารถรับการตรวจวิเคราะห์ DNA ของผิวได้ตามโรงพยาบาลหรือคลีนิคทั่วไป ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษมาก ๆ ที่กลุ่มสื่อมวลชนของไทยจะได้รับการตรวจผิวด้วยวิธี Skin Biopsy ในครั้งนี้



Olay



 

 

Ingredient Lab หรือ แล็ปที่ศึกษาเกี่ยวกับส่วนผสมในเครื่องสำอาง จะเป็นการศึกษาต่อจาก Genomics Lab ว่า ส่วนผสมใดจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ของผิวที่พบได้ ซึ่งการทดลองกว่าจะเจอส่วนผสมที่ใช่ก็ต้องสุ่มไปเรื่อย ๆ วิธีการทดลองก็คือ เขาจะใส่ส่วนผสมต่าง ๆ 96 ชนิด ลงในถาดทดลองที่เป็นหลุมเล็ก ๆ จำนวน 96 หลุม จากนั้นปลูกเซลล์ลงไป แล้วศึกษาว่า ส่วนผสมใดจะทำงานกับเซลล์ได้ดี ในแล็ปนี้เราจะใช้หุ่นยนต์ทำหน้าที่เป็นแขนแทนมนุษย์เพื่อป้องกันความผิดพลาด เช่น หยอดผิดหลุม เป็นต้น แล้วหุ่นยนต์ก็ยังสามารถใส่ส่วนผสม ได้ทั้ง 96 ชนิด ภายในครั้งเดียวด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นก็จะใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล เมื่อเจอส่วนผสมที่น่าสนใจ ก็จะลองเอามาผสมกับส่วนผสมอื่น ดูว่าเข้ากันหรือเปล่า เรียกว่ากว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้นนี่ไม่ง่ายเลยนะคะ

 

 

 

แล็ปสุดท้ายใน P&G Mason วันนี้คือ Image Lab เป็นแล็ปที่ใช้การถ่ายภาพในการวิเคราะห์ผิว ซึ่งจะถ่ายได้เป็น 3 มิติ สามารถวิเคราะห์ความลึกของริ้วรอยได้เลย โดยมีเครื่องมีที่แตกต่างกันหลากหลายชนิดเพื่อวิเคราะห์ผิวตามความต้องการของนักวิจัย

 

ต่อจากนั้นในวันที่ 14 มกราคม เราได้เดินทางไปยังเมือง Boston รัฐ Massachusetts เพื่อรับการตรวจผิวที่ Messachusetts General Hospital ด้วยวิธี Skin Biopsy ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์ผิวที่ลึกในระดับ DNA จากนั้นจะทราบผลในอีกประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ

 

วีดีโออาจมีภาพที่หวาดเสียวนิดหน่อย ใครใจไม่แข็งข้ามไปเลยน้า

 



Olay



จบทริปด้วยการเข้าฟังบรรยายจาก Dr. Alexa Boer Kimball, MD, MPH ซึ่งเป็น Professor of Dermatology, Harvard Medical School สรุปได้ว่า ถึงแม้จะมีผู้หญิงเพียง 10% ในโลกที่เกิดมาแล้วมีผิวสุขภาพดี แต่ผู้หญิงอีก 90% ที่เหลือ ก็สามารถที่จะดูแลผิวของตัวเองได้ ด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ครีมกันแดด และที่สำคัญ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและวัยของตนเอง

 

สรุปกันหน่อย เห็นการเดินทางอันยาวนานของทั้ง P&G และ Olay รวมไปถึงห้องแล็ป การวิจัยผลิตภัณฑ์ การทดสอบ การทดลองต่าง ๆ แอดมินบอกได้เลยว่า Olay เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชั้นน้ำระดับโลกที่ใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมไปถึงเวลาและทรัพยากรบุคคล ในการค้นคว้าผลิตภัณฑ์มาให้ผู้หญิงทั่วโลกได้สวยอ่อนเยาว์กันถ้วนหน้า เป็นด้วยตาตัวเองแบบนี้แล้ว บอกเลยว่า กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ในมือของเรานั้นมันไม่ง่ายเลย แอดมินยอมใจมากและขอยกให้ Olay เป็นแบรนด์ในดวงในเลยทีเดียว ทริปนี้ลากันไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย.....

Comment (1)

[Pict] comment 1
rockies123 | ผิวมัน | 25-29 Yrs | รีวิว 13/03/2023 09:17

^^

Post Comment : แสดงความคิดเห็น