ซื้อมาเพราะรู้สึกว่ามือตัวเองแห้งเป็นประจำ ทั้งมีขุยรอบๆจมูกเล็บบ่อยด้วย เลยมองหาแฮนด์ครีมดีๆ ที่ไม่ใช่มีแค่กลิ่นหอมมาบำรุงสักหน่อย ก็เจอกับแฮนด์ครีมตัวนี้ค่ะ เห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของ Jergens ที่เน้นเรื่องการบำรุงผิวแห้งเป็นพิเศษ เลยซื้อมาใช้สักหน่อย

แพ็คเก็จเป็นหลอดขนาด 100 ml ไม่ใหญ่มากก็จริงแต่ขนาดเหมาะสำหรับตั้งไว้บนโต๊ะทำงานหรือข้างๆเตียงมากกว่าพกพา ตัวหลอดสกรีนง่ายๆเรียบๆสไตล์แบรนด์ Jergens ฝาเปิด-ปิดง่าย ไม่บาดมือค่ะ

เนื้อแฮนด์ครีมเป็นสีขาว มีความหนาและหนักปานกลาง ทาง่าย ซึมยากเล็กน้อย ทิ้งความรู้สึกเหนอะๆเคลือบผิวไว้หลังทา แต่ถ้าทาในปริมาณที่ไม่มากเกินไป แล้วพยายามนวดให้ครีมซึมลงมือ เนื้อครีมก็จะซึมได้ดีขึ้น หลังจากซึมเข้าผิวแล้วจะมีความรู้สึกลื่นๆเหมือนมีอะไรเคลือบมือไว้ค่ะ

ตัวครีมมีกลิ่นแนวเคมีเบาๆ อ่านจากข้างหลอดมีการใส่น้ำหอมมาด้วย แต่คิดว่าใส่เพื่อกลบกลิ่นสารเคมีให้เบาลงมากกว่าปรุงแต่งกลิ่นให้หอมขึ้น

ในส่วนของการบำรุงนั้น หน้าหลอดบอกว่าเป็นแฮนด์ครีมที่เหมาะกับผิวแห้งมากเป็นพิเศษ และเคลมเรื่องฟื้นฟูมือและเล็บให้แลดูมีสุขภาพดี แถมยังผสมวิตามินซี วิตามินอี และวิตามินบี5 เพื่อบำรุงผิวมาด้วย

สำหรับเราแล้ว ชอบทาแฮนด์ครีมตัวนี้หนาๆก่อนนอนค่ะ เมื่อตื่นนอนมือจะยังชุ่มชื้นและนุ่มนวลมาก แต่พอมือเราต้องผจญมลภาวะระหว่างวันก็กลับมาแห้งอีกเหมือนเดิม ดูเหมือนไม่ได้ช่วยเยียวยาความแห้งกร้านในระยะยาวค่ะ แค่ช่วยเคลือบมือให้ชุ่มชื้นในระยะสั้นๆเท่านั้น ใช้จนหมดหลอดแล้วก็ไม่เห็นผลลัพธ์อะไรเป็นชิ้นเป็นอันไปมากกว่านี้ค่ะ

สรุปคือ เป็นแฮนด์ครีมที่ช่วยล็อกความชุ่มชื้นไม่ให้มือแห้งในชั่วเวลาสั้นๆ กลิ่นไม่หอม เนื้อหนาแต่ทาง่าย และหากใช้ปริมาณน้อยๆก็จะซึมเข้าผิวไว ราคาไม่แพงมาก คุ้มค่าที่จะลองค่ะ

• Overall rating :
• 3


• Benefit received :
• ให้ความชุ่มชื้น | ลดความหยาบกร้าน | ไม่ระคายเคือง


• Shopped at :
• ดรักสโตร์ (เช่น บู๊ทส์, วัตสัน, ซูรูฮะ, มัทสึคิโยะ)
• Reviewed when :
• ใช้หมดแล้ว
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485822158
• Review link :
• Click to open

ซื้อมาเพราะความอยากของตัวเองค่ะ คือเราพลาดซื้อตอนที่ออกเป็นคอลเล็คชั่น พอกลับไปดูอีกทีต้องซื้อแบบเดี่ยวราคาเต็มแล้ว ก็เลยมั่นหน้าซื้อแบไม่ลืมหูลืมตาเลยค่ะ

เราซื้อมาทั้งแบบ Original สีชมพู และแบบ Pro สีดำมาค่ะ (อยากได้สีส้มอีกสีนึง แต่ตังค์ไม่พอแล้ว555)

แพ็คเก็จคือธรรมดาค่ะ เป็นฟองน้ำไข่ในกล่องพลาสติกใส เหมือนกันทั้งสองแบบเลย แต่เห็นธรรมดาอย่างนี้ ราคาตกอันละเกือบหนึ่งพันแน่ะ 5555 (หัวเราะทั้งน้ำตา)

ตัวฟองน้ำของทั้งสองรุ่นตอนยังแห้งขนาดเล็กมาก เล็กกว่าไข่ไก่บ้านเราซะอีก ตัวฟองน้ำนุ่มมากๆ บีบๆกำๆได้ เมื่อโดนน้ำแล้วขยายใหญ่ประมาณ 30% ค่ะ

เราขอพูดถึงไปทีละรุ่นก่อนนะคะ

รุ่น Original สีชมพู เคลมเรื่องการลงเมคอัพต่างๆทั้งแบบครีมและแบบแป้ง ทั้งรองพื้น บีบีครีม ครีมบลัช แป้งรองพื้น ฯลฯ ใช้ได้ครอบจักรวาลค่ะ ตัวฟองน้ำจะมีปลายแหลม รูพรุนพอประมาณ เนื้อสัมผัสนุ่มไม่บาดผิว

ใช้ตอนที่ยังหมาดนะคะ ตัวสีชมพูลงรองพื้นได้เนียนเรียบ ให้การปกปิดได้ดี กินรองพื้นเล็กน้อย ใช้ลงพวกครีมบลัชได้ ไฮไลท์แบบน้ำได้ ให้ความเนียนไม่ต่างจากใช้แปรงเลย

ส่วนรุ่น Pro สีดำ เคลมเรื่องการลงเมคอัพที่เป็น Long-wear อย่างรองพื้นกันน้ำหรือพวกครีมบรอนเซอร์ต่างๆ และให้ความละเอียดสูง ตัวฟองน้ำหัวจะมนกว่ารุ่นสีชมพู มีรูพรุนน้อยกว่า เนื้อสัมผัสนุ่มไม่บาดผิวเช่นกัน

ใช้ตอนที่ฟองน้ำยังหมาดเช่นกัน สามารถลงรองพื้นได้เนียนเรียบ กลืนเป็นผิวเดียวกันไปเลย ให้การปกปิดปานกลางค่ะ กินรองพื้นเล็กน้อย ลองใช้กับครีมบรอนเซอร์แล้วให้ความเนียนเป็นผิวมาก แต่สีของบรอนเซอร์จะไม่ชัดเท่าใช้แปรงค่ะ

ทั้งสองตัวทำความสะอาดง่ายด้วยสบู่เหลวเด็กค่ะ ถ้าเป็น Solid ของทางแบรนด์จะต้องซักหลายๆรอบหน่อยกว่าจะสะอาด

สรุปคือ ฟองน้ำตัวสีชมพูจะปกปิดสูงกว่า ในขณะที่ตัวสีดำจะให้งานผิวที่เป็นธรรมชาติกว่า และปกปิดเบาบางกว่า แต่ฟองน้ำทั้งสองตัวให้งานผิวที่เนียนเรียบทั้งคู่ค่ะ ซึ่งใครที่ชอบงานผิวสวยๆไม่ควรพลาดฟองน้ำแบรนด์นี้ด้วยประการทั้งปวงค่ะ

• Overall rating :
• 5


• Benefit received :
• ใช้ง่าย | ไม่ระคายเคือง


• Shopped at :
• เคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า
• Reviewed when :
• หลังจากเริ่มใช้ระยะหนึ่ง
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485726367
• Review link :
• Click to open

ซื้อมาเพราะความอยากและกิเลสของตัวเองล้วนๆค่ะ ไม่มีแรงจูงใจหรือใครบังคับเลย

แพ็คเก็จดูสวยทันสมัย ในตลับสีขาวทรงหยดน้ำค่ะ ตัวตลับทำจากพลาสติกแข็งแรง ไม่ก๊องแก๊ง มีกระจกในตัว ด้านในมีฟองน้ำแบนๆทรงเดียวกับตลับ สีชมพูสดมาด้วยกัน 2 ชิ้นค่ะ ก้นตลับมีรูระบายอากาศกันฟองน้ำชื้นด้วย

ฟองน้ำซับมันตัวนี้จะแบนๆ หนาประมาณ 1 มิลลิเมตร บีบแล้วนุ่มมือ มีรูปพรุนเยอะพอสมควร ผิวหน้านุ่มละเอียด ไม่บาดผิวค่ะ

วิธีใช้ไม่ต่างจากกระดาษซับมันทั่วๆไป ใช้กดซับบริเวณที่มีความมันบนใบหน้าได้เลยค่ะ ทรงหยดน้ำนี้ออกแบบมาเพื่อให้มุมแหลมของมันเข้าถึงในบริเวณอย่างร่องจมูก หรือร่องแก้มได้ด้วย

เจ้าฟองน้ำซับมันตัวนี้ เคลมตัวเองว่าจะไม่รบกวนเมคอัพบนผิว และยังทำให้ผิวเป็นประกาย นั่นก็เพราะว่ามันไม่สามารถซับหมดได้แห้งหมดจดเช่นเดียวกับกระดาษซับมันที่เราคุ้นเคยกันดีค่ะ มันดูดซับความมันส่วนเกินบนผิวเราออกไปบ้าง แต่ไม่ซับหมดจนหน้ากลับมาแมทท์เป๊ะ ดังนั้น พอใช้ฟองน้ำนี้แล้ว ผิวเราจึงดูโกลว์ๆด้วยน้ำมันธรรมชาติบนผิวเราเอง

สำหรับเรา แรกๆไม่ค่อยโอเคนะคะที่ซับมันได้ไม่หมดแบบนี้ คือ เราเป็นคนที่หน้ามันมาก การที่ใช้ฟองน้ำตัวนี้แล้วยังทิ้งความมันไว้บนผิว ทำให้เรารู้สึกไม่สดชื่น เติมแป้งต่อลำบาก ต้องกลับไปซบกระดาษซับมันต่อทันที

แต่พอลองใช้ไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นวันที่หน้าไม่ได้มันเยิ้มจนเกินเยียวยา เราก็โอเคกับผิวที่ฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาตินะ แลดูผิวอิ่มน้ำ เหมือนได้นอนหลับเต็มตื่นมาทั้งคืนดี
แต่ก็นะ เราคิดถึงการเติมแป้งหลังซับมันแบบเดิมๆมากกว่า เจ้าฟองน้ำนี้เลยหยิบมาใช้น้อยกว่ากระดาษซับมันซะอย่างนั้น

และที่เคลมว่าไม่รบกวนเมคอัพบนผิว เราว่าไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ เวลาซับหน้าตอนหน้ามันย่องมากๆ เมคอัพหลุดติดฟองน้ำมาเลยค่ะ ต้องค่อยๆ Tab เบาๆมือ แต่ยิ่งเบามือ ก็ยิ่งซับมันได้น้อยลงไปด้วย!

คิดว่าคนออกแบบฟองน้ำตัวนี้คงไม่เคยใช้ชีวิตแถบเส้นศูนย์สูตรแบบเราแน่ๆค่ะ เลยไม่เข้าใจว่าคนที่ผิวมันมากๆ ใช้แล้วมีปัญหาจริงๆ

สรุปคือ เป็นฟองน้ำที่ซับมันออกได้ส่วนหนึ่ง ทำให้หน้ายังมีความมันเหลือพอให้ผิวแลดูโกลว์เป็นประกาย เหมาะสำหรับคนที่หน้าไม่ได้มันมาก และชอบลุคผิวฉ่ำวาวค่ะ

• Overall rating :
• 3


• Benefit received :
• ใช้ง่าย | ไม่ระคายเคือง


• Shopped at :
• เคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า
• Reviewed when :
• หลังจากเริ่มใช้ระยะหนึ่ง
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485725151
• Review link :
• Click to open

ซื้อมาเพราะความอยากล้วนๆ ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษค่ะ ทั้งที่ไม่มีโปร ไม่มีส่วนลดอะไรแล้วด้วยนะ 555

แพ็คเก็จเป็นฟองน้ำรูปไข่อันจิ๋วหลิวในกล่องพลาสติกใสค่ะ กล่องนึงมี 2 ชิ้น ขนาดของฟองน้ำขณะแห้งไม่ต่างอะไรจากปลายนิ้วก้อยค่ะ เล็กจนน่าตกใจ ในกล่องมีเอกสารประกอบวิธีใช้แนบมาด้วย

วิธีใช้ไม่ต่างจากฟองน้ำไข่ขนาดปกติ จุ่มน้ำและบิดให้หมาดที่สุด หลังจากเจ้าฟองน้ำจิ๋วนี่โดนน้ำก็ขยายตัวออกเท่านิ้วหัวแม่มือค่ะ ตามวิธีใช้ที่แนบมากับตัวกล่องคือ เจ้าฟองน้ำจิ๋วอันนี้เหมาะสำหรับ ใช้กับคอลซีลเลอร์ คอแร็คเตอร์ บริเวณต่างๆ และใช้คอนทัวร์ตามที่แคบๆอย่างสันจมูก ร่องจมูก ใต้ตา และใช้ไฮไลท์ได้ด้วย กล่าวคือ ใช้แทนแปรงแต่งหน้าได้ประมาณนึงเลยค่ะ

สำหรับเรา ส่วนใหญ่ใช้ฟองน้ำนี้เบลนด์คอนซีลเลอร์ใต้ตาเป็นหลักค่ะ ซึ่งก็ทำได้ดีเท่าๆกับการใช้แปรงลง แต่อาจจะให้การปกปิดที่น้อยกว่าแปรงหรือนิ้วไปบ้าง และยอมรับว่าเราเอามาใช้คอนทัวร์หน้าได้ไม่ถนัดเท่าแปรง แต่ถ้ามีไฮไลท์แบบครีมแล้วใช้เจ้านี่ลงแล้วละก็ ไฮไลท์จะดูเนียนกลืนไปกับผิวดีค่ะ

สรุปคือ เป็นฟองน้ำที่สามารถใช้แทนแปรงแต่งหน้าบางประเภทได้ ให้งานที่เนียนกลืนไปกับผิว และให้ความปกปิดเบาบาง เน้นงานที่โชว์ผิวหรือความกลมกลืนเป็นหลักค่ะ

• Overall rating :
• 4


• Benefit received :
• ใช้ง่าย | ไม่ระคายเคือง


• Shopped at :
• เคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า
• Reviewed when :
• หลังจากเริ่มใช้ระยะหนึ่ง
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485724070
• Review link :
• Click to open

เพราะซื้อฟองน้ำของ Beauty Blender มาเยอะแยะไปหมด เลยซื้อเจ้าตัวทำความสะอาดฟองน้ำมาด้วยค่ะ เผื่อว่าจะล้างฟองนี้ได้ดีกว่าน้ำยาที่บ้าน

แพ็คเก็จเป็นตลับฝาเกลียวสีขาวๆ เปิดออกมาเจอตัว Solid เป็นก้อนกลมเหมือนสบู่ก้อนเล็กๆข้างใน มีตะแกรงเล็กๆรองที่ก้นตลับด้วย อาจเพื่อช่วยระยายน้ำออกจากก้อน Solid ค่ะ

วิธีใช้ในแบบของเราคือ นำฟองน้ำที่ใช้แล้วชุบน้ำให้เปียก แล้วมาทาถูๆที่ก้อน Solid ให้ทั่วๆ จากนั้นขยำฟองน้ำให้เป็นฟอง เน้นบริเวณที่สกปรกเยอะ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ อาดต้องทำซ้ำ 2-3 รอบจนกว่าฟองน้ำจะสะอาดหมดจด วิธีนี้จะทำให้ก้อน Solid ไม่ละลายง่ายด้วยค่ะ (บางคนเอาก้อน Solid ไปใช้ฟอกฟองน้ำเหมือนถูสบู่เลยทีเดียว จริงๆก็ใช้ได้นะ แค่เปลืองกว่าวิธีของเราค่ะ)

ตัว Solid ล้างพวกรองพื้น ครีมบลัช หรืออะไรก็ตามที่อยู่บนฟองน้ำได้ดีปานกลาง แต่ทุกครั้งต้องล้างซ้ำ 2-3 ครั้งจึงจะสะอาด ฟองเยอะพอประมาณ ล้างออกง่าย ไม่ระคายเคืองมือ ให้กลิ่นสดชื่นนิดๆค่ะ

ใช้มาสักระยะ เราคิดว่าเจ้า Solid นี้ไม่ต่างอะไรจากสบู่ก้อนทั่วๆไป เราลองเอาสบู่เด็กราคาไมี่กี่ตังค์มาล้างฟองน้ำ ปรากฏว่าทำได้ไม่แพ้เจ้า Solid นี่เลยค่ะ

(แต่ทั้งสบู่เด็กและ Solid ก็แพ้สบู่เหลวเด็กนะคะ เราคิดว่าสบู่เหลวเด็กนี่แหละที่ล้างฟองน้ำออกได้หมดจดกว่าอะไรทั้งนั้น)

เรื่องที่ว่า หากใช้ Solid จะถนอมฟองน้ำกว่า เราเห็นว่าไม่จริงนะคะ เพราะเวลาใช้ Solid ล้างฟองน้ำ เราต้องล้างซ้ำๆและเน้นบีบฟองน้ำตรงส่วนที่สกปรกเป็นพิเศษด้วย วิธีนี้ยังไงก็ทำให้ฟองน้ำเยินตามอายุขัยอยู่ดีค่ะ

สรุปคือ เป็น Solid ที่เคลมเรื่องการทำความสะอาดบรรดา Beauty Blender ได้ดี แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ต่างจากสบู่ก้อนทั่วไปค่ะ ถ้าจะซื้อเจ้าตัวนี้มาใช้ แนะนำว่าซื้อสบู่เหลวเด็กดีกว่ากันเยอะ

• Overall rating :
• 2


• Benefit received :
• ให้ความรู้สึกสดชื่น | ฟองเยอะ | ล้างออกง่าย


• Shopped at :
• เคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า
• Reviewed when :
• หลังจากเริ่มใช้ระยะหนึ่ง
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485723205
• Review link :
• Click to open

ซื้อมาเพราะ BA เชียร์ล้วนๆเลยค่ะ ใจจริงจะไปซื้อรองพื้นรุ่นดังมาใช้ แต่ BA กลับเชียร์ตัวนี้มากกว่า อ่ะเลยตามเลยหลวมตัวซื้อมาจนได้ค่ะ

แพ็คเก็จเป็นหลอดสีดำที่เห็นแล้วรู้เลยว่าแบรนด์อะไร และเป็นสีที่เลอะง่ายตามเคย 555 ฝาเปิด-ปิดง่ายไม่บาดมือค่ะ

เนื้อค่อนข้างเหลวค่ะ ด้วยตัวของรองพื้นจริงๆแล้วเป็น Tinted Moist จึงให้การปกปิดที่ค่อนข้างเบา แต่พิกเม้นท์ของสีก็ชัดพอสมควรค่ะ จะบอกว่า BA เลือกสี Terre-Neuve มาให้เราทั้งที่เราคิดว่าตัวเองผิวคล้ำนะคะ ซึ่งสีนี้เป็นสีสว่างสุดเหมาะสำหรับคนที่มีผิวอันเดอร์โทนชมพูค่ะ ตอนลองได้เทสท์ที่หลังมือกับสันกรามเล็กน้อย ด้วยความเบาบางของผลิตภัณฑ์มันจึงดูไม่โดดไปจากสีผิวเราเท่าไหร่ค่ะ อีกทั้ง BA ยังยืนยันว่าเลือกสีถูกต้องแล้ว เราจึงเชื่อและซื้อตามค่ะ

(***แต่ขอเสริมเรื่องการเลือกสีรองพื้นนิดนึง ตอนที่เราไปลองที่เคาท์เตอร์ ด้วยแสงไฟที่สว่างของห้าง และเราเองก็แต่งหน้าจัดเต็มไปอยู่แล้วด้วย อาจทำให้การเลือกสีผิวคลาดเคลื่อนไปได้ค่ะ BA เพิ่งเห็นหน้าเราไม่กี่นาที แต่เราอยู่กับหน้าเรามาทั้งชีวิต ย่อมรู้ดีเนอะว่าผิวเราเป็นยังไง จริงๆควรเชื่อตัวเองมากกว่าค่ะ***)

หลังจากกลับบ้านมาลองใช้ดูก็พบว่า สีนี้ขาวเกินสีผิวเราไปจริงๆด้วยค่ะ ประมาณ 3 ระดับเลยทีเดียว แต่อย่างที่ว่า ด้วยเนื้อที่มันเบาบางจึงทาแล้วไม่โดดไปจากสีผิวมากนักค่ะ ใช้แล้วตบด้วยแป้งสีเข้มตามก็พอกล้อมแกล้มไปได้บ้าง ส่วนตัวเราไม่โอเคกับสีนี้เลย แต่คนรอบข้างทักมาว่าหน้าเด้งกว่าปกติ

ในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ เราคิดว่ามันเป็นกันแดดที่มีสีมากกว่าเป็นเนื้อ Tinted Moist หรือเนื้อรองพื้นค่ะ ทาง่ายเกลี่ยง่าย ใช้นิ้วก็เกลี่ยได้สวย ให้การปกปิดผิวได้น้อย ถ้าเป็นพวกรูขุมขนก็พออำพรางได้ หากมีรอยสิวต้องพึ่งคอนซีลเลอร์ช่วยค่ะ ทาแล้วให้ลุคผิวโกลว์นิดๆ แลดูเป็นธรรมชาติค่ะ

อีกคุณสมบัตินึงที่เราชอบในตัว Tinted Moist ตัวนี้คือ มันสามารถคุมมันได้ปานกลาง แต่กันน้ำกันเหงื่อได้ดี อาจจะสู้รองพื้นกันน้ำไม่ได้ แต่ก็ถือว่าอยู่ทนดีกว่าคุชชั่นหรือบีบีครีมค่ะ

เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเข้าออฟฟิศ หรือเดินห้างแอร์เย็นๆ ให้ลุคที่สวยแบบธรรมชาติ ดูไม่หนักหน้า แต่ผิวยังผ่องเด้งค่ะ

สรุปคือ เป็น Tinted Moist ที่มีเนื้อเหมือนกันแดดมีสี ปกปิดเบาบาง พิกเม้นท์สีค่อนข้างดี ให้ลุคผิวโกลว์ คุมมันเล็กน้อยถึงปานกลาง ทนต่อเหงื่อในชีวิตประจำวัน ราคาแอบแรงไปนิดค่ะ แต่ก็คุ้มกับราคาจริงๆ (แอบเฟลตรงที่เลือกสีผิดเท่านั้นค่ะ)

• Overall rating :
• 3


• Benefit received :
• ให้ความชุ่มชื้น | เป็นธรรมชาติ | กันแดด


• Shopped at :
• เคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า
• Reviewed when :
• กำลังจะใช้หมดในไม่ช้า
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485722279
• Review link :
• Click to open

ซื้อมาหลังจากลองสูตร Buffered C หมดไปแล้วค่ะ และพอดีเห็นสูตรนี้จัดโปรพอดี เลยสอยขวดใหญ่ 150 Tablets มาซะเลย กินทีเดียวยาวๆ 5 เดือนค่ะ

แพ็คเก็จขวดแก้วอ้วนๆเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ แม้จะจำแนกประเภทวิตามินด้วยสีของแถบฉลากแล้ว แต่ต้องเข้าไปอ่านชื่อสูตรใกล้ๆทุกครั้งกันหยิบผิดค่ะ^^" วิตามินซีสูตรนี้ยังเป็นเม็ด Tablet ยาวๆเคลือบผิวเหมือนเดิม สำหรับเราไม่มีปัญหาในการกินยาเม็ดเลยโอเคกับรูปแบบนี้ค่ะ

สูตรนี้เคลมไว้หน้าขวดว่าเสริมด้วยไบโอฟลาโวนอยด์จากธรรมชาติเพื่อเพิ่มฤทธิ์ของดูดซึมของวิตามินซี ที่ต้องเป็นแบบนี้คิดว่า เจ้าวิตามินซีนี้จัดมาเต็มๆ 1,000 มิลลิกรัมในเม็ดเดียว กินทีเดียววันละหนึ่งเม็ด หากร่างกายดูดซึมไม่ทัน ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะทีเดียวจบไปเลยค่ะ เสียของออกเนอะ

เรากินวิตามินซีตัวนี้มาประมาณ 2 เดือนกว่าๆแล้วค่ะ บอกตรงๆว่า ยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างจากวิตามินซีตัวอื่นสักเท่าไหร่ คือเรากินวิตามินซีมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เพิ่งกินสูตร Buffered C หมดไปก็กินสูตรนี้ต่อเลย จึงบอกยากนะว่าสูตรไหนดีกว่ากัน

แต่ว่ากันโดยรวมก็คือ กินแล้วเป็นหวัดยากกว่าปกติ ร่างกายโทรมช้าแม้นอนพักผ่อนน้อย ไม่เป็นร้อนในด้วย (เมื่อก่อนที่ยังไม่กินวิตามินซี เวลาร่างกายอ่อนแอมักจะเป็นร้อนในบ่อยๆ) เรื่องผิวพรรณก็เท่าเดิมนะ ไม่ได้ขาวใสบริ๊งๆอะไร เพราะสีผิวเรามันก็คล้ำอยู่แล้ว

สรุปคือ เป็นวิตามินซีที่มีส่วนประกอบช่วยให้ดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น ราคาแพงกว่าแบรนด์อื่น แม้ว่าจะรอซื้อตอนจัดโปรก็ยังแพงกว่าชาวบ้านเค้า ผลลัพธ์ไม่ต่างจากวิตามินซีแบรนด์อื่นเท่าไหร่ค่ะ

• Overall rating :
• 3


• Benefit received :
• -


• Shopped at :
• ดรักสโตร์ (เช่น บู๊ทส์, วัตสัน, ซูรูฮะ, มัทสึคิโยะ)
• Reviewed when :
• หลังจากเริ่มใช้ระยะหนึ่ง
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485720633
• Review link :
• Click to open

ซื้อมาตอนมีดีลในเน็ตอีกแล้วค่ะ แต่โดยส่วนตัวชอบหมักผมเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะทำสีทำเคมีบ่อย เลยต้องบำรุงผมอยู่เสมอค่ะ

แพ็คเก็จสวยน่าใช้งาน ด้วยขวดพลาสติกสีน้ำตาล แลดูออร์แกนิคสมกับแบรนด์นี้จริงๆ ฝาขวดเป็นเกลียวหมุนมีตัวบิดเก๋ๆ ทำให้สินค้าดูมีราคาขึ้นมาอีกระดับค่ะ หน้าขวดแปะสติ๊กเกอร์ธรรมดา บอกว่าเป็นน้ำมันสำหรับผม และหลังขวดบอกรายละเอียดเป็นภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษได้ครบถ้วนดีค่ะ

เนื้อของน้ำมันมีความหนักเล็กน้อย ชวนให้นึกถึงน้ำมันงา มีกลิ่นน้ำหอมปนมาด้วย เป็นกลิ่นหอมแปลกๆที่ไม่ค่อยเข้ากับแพ็คเก็จสินค้าเท่าไหร่ ตัวน้ำมันมีความมันปานกลาง มันน้อยกว่าเบบี้ออยล์หรือน้ำมันมะพร้าวนิดหน่อย สามารถใส่ได้เยอะตามต้องการค่ะ

ด้านหลังขวดบอกว่าให้ใช้หมักผมตั้งแต่ช่วงปลายจนถึงช่วงกลางผม ทิ้งไว้ก่อนสระผมประมาณ 10 นาที ใช้เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงให้กับเส้นผม และยังเคลมเรื่องความเป็นออร์แกนิคด้วยการบอกว่า เป็นน้ำมันจากสารสกัดธรรมชาติ 99% ปราศจากซิลิโคนพาราเบน และไม่มีการเจือสีสังเคราะห์

ตัวน้ำมันมีส่วนประกอบที่น่าสนใจค่ะ ข้างขวดบอกว่ามีทั้งน้ำมันจากเมล็ดทานตะวัน น้ำมันเมล็ดผักกาดก้านขาว น้ำมันละหุ่ง น้ำมันโจโจบา น้ำมันมะคาดาเมีย ฯลฯ ซึ่งเป็นน้ำมันที่เน้นเรื่องการฟื้นฟูความแห้งกร้านเป็นอย่างดี แต่ส่วนมากมักจะใช้กับเครื่องสำอางดูแลผิวมากกว่าใช้กับเส้นผมนะ

เราใช้หมักผมก่อนสระประจำค่ะ บางครั้งทิ้งไว้เกิน 10 นาทีด้วย 1 ขวด 150 ml เราสามารถใช้ได้ 3 เดือนค่ะ (ผมเราสั้นประมาณบ๊อบ) ตัวน้ำมันสระออกง่าย และให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากการน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์หมักผมค่ะ หลังสระผมจะมีน้ำหนักนิดๆ ช่วยทำให้ผมแห้งเสียดีขึ้นเล็กน้อยค่ะ

สรุปคือ เป็นน้ำมันที่มีส่วนประกอบจากน้ำมันธรรมชาติจริงๆ และสารสกัดที่ใส่มาค่อนข้างดีนะ ซึ่งอาจจะเป็นน้ำมันเกรดล่างๆหน่อย ด้วยราคาขายที่ไม่แพงมากอะไร ใช้หมักผมก่อนสระ ให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากเบบี้ออยล์ค่ะ

• Overall rating :
• 3


• Benefit received :
• ให้ความชุ่มชื้น | ช่วยบำรุง | ไม่ระคายเคือง


• Shopped at :
• อินเตอร์เน็ต
• Reviewed when :
• กำลังจะใช้หมดในไม่ช้า
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485719634
• Review link :
• Click to open

ซื้อมาเพราะอยากลองใช้ Dry Shampoo ดูสักครั้งน่ะค่ะ ที่เลือกแบรนด์นี้เพราะราคาค่อนข้างถูกกว่าแบรนด์อื่น และหาซื้อได้ง่ายด้วยค่ะ

แพ็คเก็จเหมือนกระป๋องสเปรย์ฉีดผมทั่วไป กระป๋องเป็นสีชมพูน่ารักน่าใช้งาน หัวสเปรย์ใช้งานง่าย กดสมูท คอนโทรลสเปรย์ได้ค่ะ เราซื้อกลิ่น Fruity Pop มา เป็นกลิ่นสังเคราะห์แนวขนมหวานรสผลไม้ค่ะ

วิธีใช้ก็ตามข้างกระป๋องบอกเลยค่ะ แสกให้เห็นหนังศีรษะแล้วฉีดสเปรย์ลงไปที่โคนผม มันจะเห็นเป็นเนื้อสเปรย์สีขาวๆ รีบใช้นิ้วขยี้วนๆให้ตัวแชมพูกระจาย จากนั้นหวีผมแสกด้านใหม่แล้วทำซ้ำอีกทีค่ะ

จริงๆแล้วถึงจะขึ้นชื่อว่า Dry Shampoo แต่หัวใจสำคัญของเจ้าสเปรย์กระป๋องนี้คือ "แป้งมันสำปะหลัง (Tapioca Starch)" ค่ะ ซึ่งทางผู้ผลิตได้นำเจ้าแป้งตัวนี้ผสมกับตัวทำละลายอื่นๆเช่นแอลกอฮอล์เพื่ออัดให้อยู่ในรูปแบบสเปรย์ และเมื่อเราเปรย์ออกมามันจะเป็นน้ำในช่วงแรก ก่อนแอลกอฮอล์จะระเหยออกไปและเหลือไว้เพียงผงแป้งเท่านั้น

ซึ่งผงแป้งเป็นสิ่งหนึ่งที่เราทราบดีว่า ช่วยดูดซับความมันได้ดี มันจึงช่วยดูดซับความมันบนหนังศีรษะและเส้นผม โดยเฉพาะบริเวณโคนผมที่มีความมันมากกว่าส่วนอื่น จึงทำให้ผมและหนังศีรษะของเรารู้สึกแห้งสบาย เหมือนได้สระผมมาแล้วนั่นเอง

วิธีนี้ไม่ต่างจาก DIY ที่แชร์กันตามอิยนเทอร์เน็ตค่ะ ที่ใช้แป้งเด็กหรือแป้งข้าวโพดในการโรยโคนผมเพื่อแก้หนังศีรษะมันหรืออาการคัน

แต่การอยู่ในรูปแบบกระป๋องก็ทำให้ชีวิตง่ายดีค่ะ ไม่ต้องเทแป้งให้เลอะเทอะ และยังสามารถควบคุมทิศทางในการสเปรย์ผมได้ดีอีกด้วย เหมาะสำหรับชั่วโมงเร่งรีบและพกพาไปต่างจังหวัดค่ะ

สำหรับเจ้า Dry Shampoo กระป๋องนี้ ให้กลิ่นที่หอมสดชื่นดี แต่กลิ่นไม่ติดผมนานนัก สเปรย์ง่าย แอลกอฮอล์แห้งเร็ว ถ้าเกลี่ยดีๆจะไม่เหลือคราบขาวติดบนโคนผมค่ะ ดูดซับความมันได้เล็กน้อยถึงปานกลาง ถ้าเป็นสาวๆผมยาวและผมหนา คิดว่าต้องใช้ปริมาณเยอะหน่อย และเสี่ยงต่อการมีคราบแป้งขาวๆติดบนโคนผมด้วย วิธีนี้อาจไม่เหมาะสำหรับคุณค่ะ

สำหรับเราที่ขณะที่ใช้มีผมสั้น เลยรู้สึกว่าก็โอเคนะ ทำให้ผมหายมันไปนิดหน่อย แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องทำให้ผมมีวอลลุ่มอย่างที่เคลมไว้ข้างกระป๋องแต่อย่างใด

สรุปคือ เป็น Dry Shampoo ที่ราคาไม่แพง ดูดซับความมันบนโคนผมและหนังศีรษะได้จริง (แม้จะแค่เล็กน้อย) ใช้งานง่าย พกพาสะดวก เหมาะสำหรับพกไปต่างจังหวัดค่ะ

• Overall rating :
• 2


• Benefit received :
• ให้ความรู้สึกสดชื่น | ไม่ระคายเคือง | กลิ่นหอม


• Shopped at :
• ร้านขายยาหรือร้านผลิตภัณฑ์ความงาม
• Reviewed when :
• กำลังจะใช้หมดในไม่ช้า
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1485718061
• Review link :
• Click to open

เพื่อนที่ไปเกาหลีซื้อมาฝากค่ะ (พร้อมกับเครื่องสำอางอื่นๆอีกมากมาย) โดยส่วนตัวไม่ค่อยเข้าช็อปเกาหลีเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้มีคนซื้อมาให้คงไม่มีโอกาสใช้แน่ๆค่ะ

แพ็คเก็จเป็นโฟมล้างหน้าที่บรรจุในกล่อง ซึ่งตัวกล่องสวยงาม แลดูมีเรื่องราว ดูออร์แกนิค และดูแพงด้วย ส่วนตัวหลอดโฟมเป็นสีเขียวเรียบๆตัดกับฝาสีน้ำตาลทอง สกรีนตัวอักษรเรียบง่าย ตัวฝาเป็นพลาสติกเปิด-ปิดง่าย ไม่บาดมือค่ะ

เนื้อโฟมเป็นสีขาว กลิ่นแนวเคมีมากๆไปคนละทางกับแพ็คเก็จจิ้งที่เห็นตอนแรก ที่พยายามสื่อถึงสารสกัดจากธรรมชาติ ให้ฟองเยอะ ล้างออกง่าย ล้างหน้าได้สะอาดกริ๊บ ผิวหน้าแห้งตึงหลังล้างเล็กน้อยค่ะ

ตัวโฟมล้างหน้าโดดเด่นที่สารสกัดจาก Harakeke ชูโรงว่านำเข้าจากนิวซีแลนด์ และอ่อนโยนต่อผิวหน้าเพราะไม่มีพาราเบน ไม่มีน้ำมันแร่ และไม่แต่งสี แต่เราว่ามันล้างหน้าได้สะอาดหมดจดจนผิวตึงไปหน่อยค่ะ ไม่เข้าใจว่าจะเน้นเรื่องสารบำรุงผิวมาเพื่ออะไร ใช้แล้วไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆ แต่ก็ไม่แพ้ระคายเคืองค่ะ

สรุปคือ เป็นโฟมล้างหน้าสัญชาติเกาหลี ที่โดดเด่นด้วยสารสกัดธรรมชาติชื่อแปลกหูจากนิวซีแลนด์ ล้างหน้าได้สะอาดหมดจด ผิวแห้งตึงหลังล้างเล็กน้อย ใครที่ผิวมันน่าจะชอบค่ะ

• Overall rating :
• 3


• Benefit received :
• ให้ความรู้สึกสดชื่น | ฟองเยอะ | ไม่ระคายเคือง | ล้างออกง่าย


• Shopped at :
• อื่น ๆ
• Reviewed when :
• กำลังจะใช้หมดในไม่ช้า
• Review link :
• https://www.vanilla.in.th/review.cgi?id=1484929710
• Review link :
• Click to open